10 วิธีเลือก Antivirus ให้คุ้ม!



10 วิธีเลือก Antivirus ให้คุ้ม!

แอนตี้ไวรัสในปัจจุบันดูจะกลายเป็นที่ควรมีติดเครื่องเอาไว้ เพราะในโลกที่เทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว การป้องกันก็ต้องมีประสิทธิภาพตามไปด้วย

1. Test first: ลองใช้ดูก่อน

ก่อนที่จะเลือกใช้แอนตี้ไวรัสซักยี่ห้อ สิ่งที่ควรทำเป็นกันดับแรกๆเลยคือ การทดลองใช้ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่ยินดีที่จะให้คุณโหลดมาทดลองใช้ก่อนฟรีๆ เพื่อพิสูจน์ความพึงพอใจ ดังนั้นจะมีวิธีไหนเห็นประสิทธิภาพดีเท่ากับการทดลองใช้ด้วยตัวเอง?  อย่างไรก็ตามก่อนและหนัง ลง โปรแกรมแอนตี้ไวรัสแล้ว ก็ควรสังเกตว่าการใช้งานเป็นอย่างไร เพื่อเก็บไว้ประกอบการตัดสินใจ

2. Suitability: ใช้งานแบบไหน ก็เลือกป้องกันแบบนั้น

002

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าลักษณะการใช้งานของเราเป็นอย่างไร ลักษณะการใช้งานสามารถบ่งบอกถึงความเสี่ยงในการโดนไวรัสคอมพิวเตอร์ เช่น หากคุณเป็นคนชอบท่องอินเตอร์เน็ต เช็คเมลและโหลดไฟล์แนบที่ติดมากับอีเมล เครื่องของคุณก็เสี่ยงที่จะติดไวรัสอย่าง Trojan ส่วนเครื่องที่ใช้กันภายในระบบองค์กรที่พบบ่อยก็คือไวรัสจำพวก Worm ดังนั้นการเลือกแอนตี้ไวรัสก็ควรจะเป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับ ลักษณะการใช้งานของเรา

3. Boot time: ลงแล้ว เข้าหน้า Windows ช้า ก็ไม่ไหวนะ

003

การโหลดโปรแกรมแอนตี้ไวรัสมาใช้ สิ่งที่ควรสังเกตประการหนึ่งคือ เมื่อลงโปรแกรมแอนตี้ไวรัสนั้นๆแล้ว การบูทเข้าสู่หน้า windows นั้นใช้เวลามากน้อยเพียงใดหลังจากลงโปรแกรมแล้ว ซึ่งหากใช้เวลานานจนเกินไป ย่อมหมายถึงความผิดปกติ ที่อาจจะตีความได้หลายอย่างตั้งแต่ เวอร์ชั่นของแอนตี้ไวรัสที่ใช้ไม่เหมาะกับระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงความไม่สมบูรณ์ของตัวโปรแกรมเอง ดังนั้นการทดลองใช้ก่อนตามข้อที่ 1 จึงเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ

4. Engine: ฟังก์ชั่นเยอะ ใช่ว่าดี

004

นอกจากจะเลือกตัวแอนตี้ไวรัสให้เหมาะกับการลักษณะการใช้งานของเราแล้ว การดูที่ Engine ของโปรแกรมแอนตี้ไวรัสก็มีส่วนสำคัญ engine คือระบบการทำงานของโปรแกรมนั้นๆ ซึ่งการที่โปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวนั้นมี engine เยอะ หรือฟังก์ชั่นเยอะ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไป เพราะ Engine ของแต่ละโปรแกรมใช้ได้กับบางโปรแกรมเท่านั้น หากใช้ไม่ได้หรือไม่เสถียรผลคือ สแกนช้าและเปลืองแรม

5. Virus type: Anti ตัวไหน กำจัดอะไร

005

สิ่งที่ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนเลือกใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสคือ โปรแกรมตัวนั้นใช้กำจัดไวรัสประเภทใดได้บ้าง? เพราะในปัจจุบันบางโปรแกรมอาจมีประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัสเป็นชนิดๆไป เช่น ใช้กำจัดไวรัสจำพวก Malware โดยเฉพาะ แต่ถ้าเป็น Spyware กลับหาไม่เจอ กลายเป็นว่ารอดจากพวก Malware มาโดน Spyware แทนซะอย่างนั้น

6. Installation: ติดตั้งลงเครื่อง

หลังจากติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสแล้ว ควรตรวจดูด้วยว่าขนาดของไฟล์ที่ใช้ในฮาร์ดดิสก์นั้น มีขนาดเท่าไหร่ หากใช้เยอะมากไปถือว่าไม่ดีเท่าไหร่ เพราะจะเป็นการเปลืองทรัพยากรในระบบคอมพิวเตอร์มากเกินจำเป็น เมื่อทำการสแกน หรือเปิดโปรแกรมใช้งาน

7. Scan: สแกนซ้ำไป-มา เสียเวลาเปล่าๆ

โปรแกรมแอนตี้ไวรัสบางโปรแกรม เมื่อติดตั้งเสร็จจะมีการทำ full scan ในครั้งแรก ซึ่งเมื่อทำการ Full scan ไปแล้วโปรแกรมบางตัวจะมีฟังก์ชั่นให้ skip (ข้าม) การสแกนไฟล์ที่ผ่านการสแกนไปแล้วและไม่ได้ถูก Modify (คือไฟล์ที่ปลอดไวรัส)ได้ ซึ่งจะเป็นการย่นระยะเวลาในการสแกนครั้งต่อไป แถมยังประหยักแรมไปด้วยในตัว

8. Result: รายงานละเอียดมาก ก็รู้ที่มาเร็ว

008

โปรแกรมแอนตี้ไวรัสแต่ละโปรแกรม จะมีรูปแบบหรือลักษณะการรายงานผลการสแกนไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงความเลือกโปรแกรมที่มีการแสดงผลการสแกนที่ละเอียดหน่อย เพราะยิ่งละเอียด เราก็สามารถรู้ได้เร็วว่าไวรัสที่มีอยู่ในเครื่องเรามาจากไหน ติดมากับไฟล์อะไร ช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะถูกไวรัสในอนาคตได้

9. Update: การอัพเดตบ่อย ก็รู้จักไวรัสเยอะ

009

ควรเลือกโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่มีการอัพเดตปรับปรุงตัวโปรแกรมอย่างสม่ำ เสมอ เพราะนั้นหมายถึงการอัพเดตให้ตัวโปรแกรมรู้จักไวรัสตัวใหม่ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ยิ่งมีการอัพเดตเรื่อยๆ บ่อยๆยิ่งดี ตัวโปรแกรมจะได้ป้องกันไวรัสตัวใหม่ๆได้ทันที

10. Diversity: อุปกรณ์ไหนก็ป้องกันได้

010

ปัจจุบันบริษัทที่ผลิตโปรแกรมแอนตี้ไวรัสหลายบริษัทได้เริ่มที่จะปล่อย ผลิตภัณฑ์ที่ไว้ใช้บนอุปกรณ์อื่นๆ นอกจากคอมพิวเตอร์กันบ้างแล้ว ซึ่งถ้าหากคุณเป็นคนที่ใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 1 อุปกรณ์ การเลือกโปรแกรมแอนตี้ไวรัสของบริษัทที่ผลิตแอนตี้ไวรัสบนอุปกรณ์ที่หลาก หลายก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าไม่น้อย เพราะนอกจากคุณอาจจะได้โปรโมชั่นพิเศษที่มาแบบเป็นเพ็กเกจแล้ว คุณยังจะใช้งานแอนตี้ไวรัสได้ง่าย เพราะคุ้นเคยกับหน้าตาของโปรแกรมไม่ว่าจะใช้บนอุปกรณ์ตัวไหน

 

ที่มา : ARIP



เข้าชม : 581

Share


ทิป-เทคนิค 5 อันดับล่าสุด

      เช็ก10สัญญาณเตือน เสี่ยงเป็นโพสต์ที่ไม่มีใครอยากอ่าน!
      เคล็ดลับและไม่ลับที่ดีใน Windows 7
      การแก้ไข FakeSysdef มัลแวร์ตัวแสบ
      แตก และ Copy File ที่มีขนาดใหญ่กว่า 4 GB ไม่ได้ทำยังไงดี
      9 วิธีเลือก Power Bank ให้สุด!


Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

 
เช็ก10สัญญาณเตือน เสี่ยงเป็นโพสต์ที่ไม่มีใครอยากอ่าน!
เมื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กกลายเป็นพื้นที่ที่มากกว่าการสื่อสาร แต่ยังรวมถึงการแสดงความคิดเห็น การเสียดสี ด่าทอ หรือแม้แต่การเล่นตลกจนเกินงาม ลองตรวจสอบกันซักหน่อย กับ 10 โพสต์ที่ไม่ควรโพสต์…
เคล็ดลับและไม่ลับที่ดีใน Windows 7
ตอนนี้ทุกท่านคงคุ้นเคยและใช้งานกันอย่างคล่องแคล่วแล้ว สำหรับ windows 7 วันนี้ผมมีเคล็ดลับและเทคนิคที่ทำให้ Windows 7 เจ๋งขึ้นมาฝากกัน
การแก้ไข FakeSysdef มัลแวร์ตัวแสบ
Win32 : FakeSysdef - D [Trj] Trojan เป็นโปรแกรมป้องกันสปายแวร์ปลอม ที่อันตรายมากเนื่องจากมันจะเปิดช่องโหว่ให้เหล่าแฮ็คเกอร์ และ แฮ็คกี้ (อันหลังนี่ตั้งเอาเอง) ทั้งหลายได้เข้าสู่ระบบของเราได้ง่ายขึ้น อยากรู้มากกว่านี้กลับไปอ่านบทความที่ลิงค์ต่อไปนี้ที่ผมเค
แตก และ Copy File ที่มีขนาดใหญ่กว่า 4 GB ไม่ได้ทำยังไงดี
จากหัวข้อนี้เราจะเผยถึงปัญหาที่หลาย ๆ ท่านอาจทราบแล้วแต่สำหรับมือใหม่หรือมือปานกลางบางท่าน อาจจะยังไม่ทราบ ในกรณีที่เราทำการ copy ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินกว่า 4GB ทำไม่มันถึงก๊อบไม่ได้สักที หรือ แตกไฟล์ zip ที่มีขนาดใหญ่ก็ทำไม่ได้
9 วิธีเลือก Power Bank ให้สุด!
แบตฯ สำรองหรือ Power Bank คืออุปกรณ์ที่ไว้จ่ายไฟให้กับ อุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ ผ่านทางพอร์ต USB เพื่อความสะดวก Power Bank จะทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ จากนั้นเมื่อใช้งาน มันจะจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณนำ
 
 
 
 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 PSN Computer Solution Co., Ltd. Tel: 02-713-7121-2 Fax: 02-713-7121 ติดต่อเว็บมาสเตอร์: webmaster@psncomputer.com